การ์ตูน ด้วยการ์ตูนเรื่อง ผีน้อยคิวทาโร่ (Qtaro
the Ghost) ได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูน "โชเน็นซันเดย์" [1]มีคนติดตามโดยเฉพาะเด็ก
ๆ เป็นจำนวนมาก
ทำให้คิวทาโร่ได้ผลิตเป็นการ์ตูนแอนิเมชันจัดฉายทางโทรทัศน์ในเวลาต่อมา
ส่งผลให้ชื่อเสียงโด่งดังขึ้นเป็นอย่างมาก และสตูดิโอซีโร
ก็เจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วจากทีมงานเริ่มต้นเพียง 7 - 8 คน
ก็เพิ่มมาเป็น 80 คน ได้มีผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นไคบุซึ (Kaibutsu-kun),
นินจาฮัตโตริ
(Hattori the Ninja), ปาร์แมน (Pāman), 21 เอมอน (21-emon) และเจ้าชายจอมเปิ่น
เป็นต้น ในปี พ.ศ. 2509 อะบิโคะเข้าพิธีแต่งงานเมื่ออายุได้ 32 ปี
ทว่าก็ต้องพบกับความไม่สมหวังในด้านการงาน สตูดิโอซีโรต้องปิดตัวลงเนื่องจาก
เนื่องจากปัญหาทางด้านการเงินโดยมีผลงานเรื่องสุดท้ายคือ เจ้าชายจอมเปิ่น หรือ เจ้าชายลูกบ๊วย แต่ฮิโรชิไม่ได้ท้อแท้กับการปิดตัวลง
กลับมองว่าแม้ต้องปิดตัวลงแต่เขาก็ได้รับประสบการณ์ที่มีค่ามากมาย
และทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ ก็ต้องจบลงที่ศูนย์ตามชื่อของสตูดิโอ ซึ่งซีโร แปลได้ว่า
"ศูนย์" (นิตยสาร aday, 2545)
หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2513 ซึ่งเป็นปีเริ่มต้นของการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดในชีวิตของเขาทั้งสองคือเรื่อง โดราเอมอน ลงใน"โชกักอิจิเน็นเซย์-โยะเน็นเซย์"
โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้อ่านวัยเด็ก ในช่วงแรกนั้นโดราเอมอนยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก
แต่ต่อมาใน 3 ปีให้หลัง โดราเอมอนได้ผลิตเป็นการ์ตูนแอนิเมชันฉายทางโทรทัศน์ ซึ่งทำให้ได้รับความสนใจและนิยมไปอย่างแพร่หลาย
ทำให้ฮิโรชิได้รับรางวัล Nihon Mangaka จากโดราเอมอน ในปี พ.ศ. 2516 ส่วนอะบิโคะที่มุ่งออกผลงานสำหรับวัยรุ่นก็ได้มีผลงานเอง
Black Salesman (ภายหลังเปลี่ยนเป็น Warau Salesman) อัตชีวประวัติ
Manga-michi
ในปี พ.ศ. 2530 ทั้งคู่ถึงจุดอิ่มตัวในวัย 54 ปีจึงได้ตัดสินใจแยกกันใช้นามปากกาจาก
"ฟุจิโอะ ฟุจิโกะ" สำหรับฮิโรชิเป็น "ฟุจิโกะ เอฟ. ฟุจิโอะ"
ส่วนของอะบิโคะเป็น "ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ (เอ.)"
เพื่อแยกตัวทำผลงานของตัวเอง ฮิโรชิได้เขียนการ์ตูนเรื่อง โดราเอมอนต่อเรื่อยมา
โดยเขาจะเป็นผู้วาดและแต่งเรื่องโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ เป็นประจำทุกปี
เมื่อถึงปี พ.ศ. 2539 ฮิโรชิก็ได้ถึงแก่กรรมลงด้วยวัย 62 ปี
ส่วนอะบิโคะมีผลงานเรื่องนินจาฮัตโตริ และโปรกอล์ฟซารุจัดฉายในโรงภาพยนตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น